วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพของภาพดิจิตอลขึ้นอยู่กับสิ่งใดบ้าง

ภาพดิจิตอล
                ภาพดิจิตอล หรือ
Raster Graphic คือ ภาพแบบดิจิตอลซึ่งสร้างขึ้นจากการเรียงตัวของจุดสี (Pixel) ด้วยโครงสร้างแบบตาราง จุดสีแต่ละจุดสามารถนำมาเข้ารหัสเพื่อแปลงเป็นจำนวนเต็มฐานสอง และนำมาใช้ประมวลผลในระบบคอมพิวเตอร์ได้
คุณภาพของภาพจากกล้องดิจิตอลขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้
1. ความละเอียด (Resolution)
คำว่า ความละเอียด หมายถึงจำนวนพิกเซล ทั้งหมดบนตัวรับภาพ ตัวอย่างเช่น 3.34 ล้านพิกเซล หรือ 2.1 ล้านพิกเซลเป็นต้น จำนวนพิกเซลของตัวรับภาพมีผลอย่างยิ่งต่อคุณภาพของภาพที่ได้ในด้านรายละเอียดและความคมชัด เนื่องจากกล้องที่มีจำนวนพิกเซลบนตัวรับแสงมากกว่าย่อมจะสามารถบันทึกรายละเอียดของภาพได้มากกว่า

ในปัจจุบันกล้องดิจิตอลสามารถจัดกลุ่มตามความละเอียดได้อยู่เป็น 4 ระดับ คือ
1. ระดับความละเอียดต่ำมาก กล้องในกลุ่มนี้จะมีจำนวนพิกเซลประมาณ ไม่ถึง 3 แสนพิกเซล ที่พบเห็นกันทั่วไปคือ web camera หรือ toy camera
2 ระดับความละเอียดต่ำ กล้องในกลุ่มนี้จะมีจำนวนพิกเซลประมาณ 3 แสน ถึง 1.5 ล้านพิกเซล
3. ระดับความละเอียดปานกลาง กล้องในกลุ่มนี้จะมีจำนวนพิกเซลประมาณ 2.1- 4 ล้านพิกเซล
4. ระดับความละเอียดสูง กล้องในกลุ่มนี้จะมีจำนวนพิกเซล มากกว่า 4 ล้านพิกเซล
การเลือกกล้องระดับใดนั้นให้ดูวัตถุประสงค์ของการใช้งานเป็นหลัก กล่าวคือไม่ต้องการคุณภาพมากนัก แค่ส่งรูปภาพขนาดเล็กๆ ผ่านอีเมล์หรือโทรศัพท์มือถือ กล้องราคาถูกในราคาระดับไม่กี่พันบาทคงพอต่อการใช้งานแล้ว หากต้องการสร้างโฮมเพจด้วยควรเลือกที่มีคุณภาพดีขึ้น โดยทั่วไปภาพที่ใช้ในอินเทอร์เน็ตมักมีขนาดไม่เกิน 800x600 หรือประมาณ 5 แสนพิกเซลเท่านั้น กล้องระดับความละเอียดต่ำมีความสามารถเพียงพอที่จะให้คุณภาพดีได้ หากใช้กล้องที่มีความละเอียดสูงมากๆ เราก็ต้องมาลดความละเอียดของภาพลงเพื่อให้ไฟล์ของภาพมีขนาดพอเหมาะที่จะนำเสนอบนจอภาพ และหากใช้ภาพขนาดใหญ่ ไฟล์จะมีขนาดใหญ่ไปด้วยทำให้การ load ภาพมาดูทำได้ช้า หากต้องการนำภาพไปพิมพ์ควรใช้กล้องที่มีความละเอียดสูง หรือปานกลางขึ้นกับว่าต้องการพิมพ์ให้ได้ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าใด
การคำนวณหาขนาดของภาพที่มีคุณภาพสูงสุดใกล้เคียงภาพถ่ายทั่วๆไป สามารถใช้สูตร ขนาดของภาพพิมพ์ = จำนวนพิกเซลบนแต่ละด้านของภาพต้นฉบับ / 300 หน่วยที่ได้เป็นนิ้ว ตัวอย่างเช่นภาพต้นฉบับขนาด 800x600 พิกเซล เราจะพิมพ์ได้ขนาด (800/300) x (600/300) = 2.67 x 2 นิ้ว และถ้าภาพต้นฉบับมีขนาด 3000x2000 พิกเซล เราจะพิมพ์ได้ขนาด 10 x 6.67 นิ้ว อย่างไรก็ตามเราสามารถพิมพ์ภาพให้มีขนาดใหญ่กว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็ได้ แต่คุณภาพจะเริ่มลดลงไปบ้าง ขึ้นกับเครื่องพิมพ์ที่ใช้ด้วยว่าใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ระบบใด หากพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์ เราอาจเพิ่มขนาดจากเกณฑ์ได้ไม่มากนัก โดยยังมีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่พอยอมรับได้ แต่หากเป็นระบบระบบการพิมพ์พ่นหมึก หรืออิงค์เจ็ต(inkjet) เราจะสามารถพิมพ์ภาพขนาด 8x10 นิ้วได้จากต้นฉบับที่มีความละเอียด 3 ล้านพิกเซลและยังได้ภาพที่มีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี ดังนั้นหากต้องการนำกล้องไปใช้เพื่อผลิตสิ่งพิมพ์ ขนาด A4 ควรใช้กล้องที่มีความละเอียด 6 ล้านพิกเซล แต่หากต้องการพิมพ์ภาพด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตให้ได้ภาพขนาดโปสการ์ด 4x6 หรือสัก 5x7 นิ้ว กล้องที่มีความละเอียด 2-3 ล้านพิกเซลก็คงเพียงพอกับการใช้งานแล้ว หากต้องการภาพขนาด A4 ควรใช้กล้องที่มี รายละเอียดมากกว่า 4 ล้านพิกเซลขึ้นไป
2. เลนส์ (Lens)
กล้องดิจิตอลที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ มักเป็นกล้องระดับมืออาชีพและมีราคาแพง ดังนั้นผมจะกล่าวถึงปัจจัยเรื่องเลนส์ของกล้องดิจิตอลในส่วนที่เป็นกล้องที่ถอดเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้เป็นหลัก โดยทั่วไปกล้องดิจิตอลมักมีเลนส์ที่สามารถเปลี่ยนความยาวโฟกัสได้ (Optical zoom) หรือที่เราเรียกกันว่าเลนส์ซูม กล้องที่มีเลนส์ซูมนั้นจะมีราคาสูงกว่ากล้องที่ไม่สามารถเปลี่ยนความยาวโฟกัสได้พอสมควร
กล้องดิจิตอลที่ผลิตมาส่วนใหญ่สามารถซูมได้ในช่วงที่เป็นเลนส์มุมกว้างจนถึงเป็นเลนส์ถ่ายไกล เพื่อให้สามารถถ่ายภาพทั่วไปได้เกือบทุกประเภท ถ้าอยากทราบว่ากล้องตัวใดสามารถซูมได้เท่าใดนั้นให้ดูจากเลนส์ของกล้องได้ เช่น 7-21 mm เป็นต้น ถ้าเปรียบเทียบกับกล้อง 35 มม. ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จะเห็นว่าเลนส์ของกล้องดิจิตอลจะมีขนาดเล็ก และความยาวโฟกัสน้อยกว่า ทั้งนี้เนื่องจากขนาดของฟิล์มในกล้อง 35มม มีขนาดใหญ่กว่าขนาดของตัวรับแสงในกล้องดิจิตอล เพื่อความสะดวก ผู้ผลิตมักนำเสนอข้อมูลทั้งสองส่วนคือความยาวโฟกัสของเลน์ที่ใช้จริงกับความยาวโฟกัสที่เทียบเท่ากล้อง 35 มม เช่น กล้อง Nikon Coolpix 950, zoom lens 7-21mm (38-118mm, 35mm equivalent) แสดงว่าเลนส์ของกล้องนี้สามารถเป็นเลนส์มุมกว้างและเป็นเลนส์ถ่ายไกลได้เล็กน้อย (โดยปกติในกล้อง 35 มม เราจะจัดให้เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสต่ำกว่า 50มม เป็นเลนส์มุมกว้างและมากกว่า 50 มม เป็นเลนส์ถ่ายไกล) ผู้ผลิตมักประชาสัมพันธ์ความสามารถในการซูมของกล้องโดยใช้ คำว่า 2X หรือ 3X ซึ่งเป็นสิ่งที่บอกเพียงกว้างๆ เท่านั้น อย่างไรก็ดีก็เป็นสิ่งที่ง่ายต่อการเปรียบเทียบ เช่นเราจะทราบได้ทันทีว่า กล้อง zoom 3x มีความสามารถในการซูมดีกว่า กล้อง zoom 2x ทั้งนี้มีสิ่งที่ควรระวังคือกล้องบางรุ่น จะมีความสามารถในการทำ digital zoom ได้ด้วย การทำ digital zoom ต่างจากการซูมที่เกิดจากการเปลี่ยนความยาวโฟกัสของเลนส์ กล่าวคือ เป็น interpolation ด้วยการเพิ่มพิกเซลให้มากขึ้นจากการคำนวณ จึงทำให้ได้ภาพที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ทำให้ภาพมีความคมชัดลดลดง ดังนั้นการเลือกเลนส์ให้เปรียบเทียบที่ Optical Zoom เป็นหลัก
กล้องบางรุ่นได้เพิ่มความสามารถให้กับเลนส์โดยสามารถเป็นเลนส์ถ่ายใกล้ได้ด้วย ข้อนี้ก็เป็นข้อเด่นที่น่าจะพิจารณาเพิ่มเติม เช่น กล้อง nikon coolpix สามารถถ่ายได้ใกล้ถึง 1 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ควรพิจารณาถึงความสามารถในการปรับตัวเลขเอฟ (f number) หากกล้องมีตัวเลขเอฟหลายๆ ค่าจะทำให้ผู้ถ่ายสามารถเลือกใช้ความชัดลึกของภาพได้หลากหลายระดับกว่า รวมทั้งความสว่างของเลนส์ด้วย โดยพิจารณาจากตัวเลขเอฟที่น้อยที่สุด ขณะที่เขียนบทความนี้กล้อง Olympus รุ่น camdia 2040Z และ 3040Z ให้ความสว่างมากที่สุด คือ ที่ f1.8
3. การจัดเรียงตัวของเซลล์รับแสง
โดยส่วนใหญ่ CCD ของกล้องจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมและจะจัดเรียงเป็นแบบตารางหมากรุกคือต่อกันในแนว 0 องศาในแนวนอน และ 90 องศาในแนวตั้ง จะมีแต่เพี่ยง Fuji Film ที่สร้าง CCD เป็นรูปแปดเหลี่ยม และเรียงตัวเป็นแนว 45 โดยที่ Fuji บอกไว้ว่ามีจุดเด่น 4 ข้อคือ
1. resolution สูงขึ้นเพราะระยะห่างระหว่างเซลล์ในแนวตั้งและแนวนอนลดลง ซึ่งสัมพันธ์กับการมองเห็นของมนุษย์
2. signal to noise ratio (s/n) ดีขึ้น เพราะเนื้อที่รับแสงมากขึ้น
3. dynamic range ดีขึ้น เพราะเนื้อที่รับแสงมากขึ้น
4. sensitivity ดีขึ้น เพราะเนื้อที่รับแสงมากขึ้น
Fuji บอกว่า superCCD นี้สามารถเพิ่ม resolution มากขึ้น 60% หรือเป็น 1.6 เท่าของ CCD ทั่วๆ ไป โดย Fuji ได้วางตลาดกล้องที่ใช้ CCD แบบใหม่นี้ ไปเมื่อปี 1999 กับ รุ่น Finepix 4700Z และรุ่นต่อๆ มาที่มีเครื่องหมาย Supper CCD โดยมีจำนวนเซลล์รับแสงบน superCCD 2.4 ล้าน pixel แต่ภาพความละเอียดสูงสุดจะได้ถึง 4.3 Megapixel จากการ interpolation 

คำถามอยู่ที่ว่าแล้วคุณภาพของภาพดีหรือไม่เมื่อเทียบกับกล้อง 3 ล้านพิกเซลในตลาดที่มีราคาใกล้เคียงกัน การทดสอบและการเปรียบเทียบกล้องต่างๆ สามารถไปอ่านได้จาก website ที่ทดสอบกล้องโดยตรง ซึ่งทั้งหมดเห็นตรงกันว่าคุณภาพไม่ดีเหมือนที่ FUJI บอกไว้ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ super CCD เพราะเทคโนโลยีตัวนี้เป็นการนำเอา ลักษณะของการเห็นของคนเรามาใช้สร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา กล่าวคือคนเราจะเห็นรายละเอียดในแนวนอนได้มากกว่าแนวตั้งเล็กน้อย และทั้งแนวนอนและแนวตั้งมากกว่าในแนวเฉียง Super CCD ก็อาศัยหลักการนี้ มาทำให้แต่ละเซลล์อยู่ใกล้กันในแนวตั้งและแนวนอน ซึ่งจะทำให้ได้รายละเอียดมากกว่าเดิม อันที่จริงแนวคิด นี้ไม่ใช่ไม่มีใครทำมาก่อน ในระบบการพิมพ์ ink jet เขาก็ทำให้ resolution ของเครื่องพิมพ์ในแนวนอนมากกว่าในแนวตั้ง เช่น 1440x720 dpi เป็นต้น แต่ Fuji เป็นคนแรกที่นำมาใช้กับกล้องดิจิตอล แต่ปัญหาอยู่ที่ภาพที่บันทึกจาก supper CCD จะต้องถูกจัดเรียงใหม่เป็นแนวนอนและแนวตั้ง ซึ่งต้อง Interpolate อีกครั้ง ตรงนี้เองเลยทำให้คุณภาพที่ควรได้กลับต้องลดลงไปมากพอควร
4. ชนิดและการจัดเรียงฟิลเตอร์
กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่จะใช้ฟิลเตอร์ RGB บังอยู่หน้าตัวรับแสง โดยเซลล์รับแสง 1 เซลล์จะมีฟิลเตอร์บังได้เพียงหนึ่งสีเท่านั้น นี่ย่อมแสดงว่าเมื่อถ่ายภาพแล้วแต่ละพิกเซลจะเก็บข้อมูลภาพมาเพียงสีใดสีหนึ่งเท่านั้น แต่ภาพที่เราได้ในแต่ละพิกเซลมีข้อมูลครบสามสี ข้อมูลภาพอีกสองสีที่เกิดขึ้นมาในพิกเซลไม่ใช่ข้อมูลจากภาพที่ถ่าย แต่เกิดจากการ interpolation ของซอฟแวร์ภาพในกล้อง การเรียงตัวของสีแต่ละสีว่ามีลำดับอย่างไรก็จะมีผลต่อคุณภาพด้านความคมชัด ความถูกต้องของสี การไม่มีสีเหลือบ กล้องส่วนใหญ่จะจัดเรียงฟิลเตอร์แบบ เบเยอร์ (Bayer) คือ RGBG อย่างไรก็ตามกล้องบางรุ่นโดยเฉพาะของ Canon ได้ใช้ฟิลเตอร์สี CMGY เช่น Cannon PowerShot G1, A5, Pro70 ข้อมูลเรื่องฟิลเตอร์นี้ผู้ผลิตมักไม่ได้ให้รายละเอียดไว้ เนื่องจากผู้ผลิตแต่ละรายได้ใช้โครงสร้างของฟิลเตอร์ไม่แตกต่างกันมากนัก ผู้ซื้อโดยทั่วไปมักไม่ได้ข้อมูลในส่วนนี้
5. ซอฟแวร์
ซอฟแวร์มีส่วนสำคัญไม่น้อยต่อคุณภาพของภาพที่ได้จากกล้องดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นการ interpolation การปรับสมดุลสีขาว (white balance) การลดสัญญาณรบกวน (noise reduction) การปรับความคมชัด (sharpness) ความอิ่มตัวตัวของสี (saturation) และอื่นๆ กล้องราคาถูกมักมีซอฟแวร์ที่ปรับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองเกือบทั้งหมด ผู้ใช้งานไม่สามารถปรับได้นัก อย่างไรก็ดี กล้องที่มีคุณภาพสูงขึ้น ผู้ใช้สามารถปรับรายละเอียดการทำงานของซอฟแวร์ได้บ้างตามสภาพแสงและวัตถุที่ถ่าย กล้องแต่ละบริษัทก็จะใช้ซอฟแวร์ที่พัฒนามาสำหรับกล้องตัวนั้นๆ โดยเฉพาะ และซอฟแวร์ที่ใช้ในกล้องนี้เรียกว่า firmware ซึ่งบริษัทอาจมีการปรับปรุง firmware สำหรับเสริมให้คุณภาพและการทำงานของกล้องนั้นๆ ดีขึ้นเป็นระยะ ผู้ใช้ควรตรวจสอบกับ web site ของกล้องตอนเองว่ามีการปรับปรุง firmware หรือไม่อย่างไร

จากที่กล่าวมาทั้ง 5 ปัจจัยต่างก็มีผลต่อคุณภาพของภาพสุดท้ายที่ได้ ผู้ซื้อควรพิจารณาจากคุณภาพของภาพที่ได้เป็นสำคัญว่ากล้องนั้นๆ ให้คุณภาพเป็นที่น่าพึงพอใจหรือไม่ กล้องที่มีคุณภาพใกล้เคียงหรืออยู่ในระดับเดียวกัน มักมีราคาไม่แตกต่างกันมาก

สมาชิกกลุ่ม

นายอานนท์ รอดพันธ์
นายอัครวุฒิ  สวัสดิ์ดีมงคล

นางสาวจิราพร กั้งซ่า
นางสาวศิริขวัญ เริกสนิท
นางสาวสุมาลิน ฉ้งเม้ง

26 ความคิดเห็น:

  1. เมื่อพูดถึงเรื่องภาพถ่ายแล้วก็อยากรู้เรื่องกล้องอ่ะว่ามีกี่ประเภทอ่ะคับ อะไรบ้าง

    ตอบลบ
  2. กล้องมีอยู่ด้วยกันถึง8ชนิดครับมี
    1. กล้องบ๊อกซ์ (Box Camera)
    2. กล้องพับ (Folding Camera)
    3. กล้องรีเฟล็กซ์ (Reflex Camera)
    4. กล้องเล็ก (Miniature Camera)
    5. กล้องเล็กพิเศษ (Ultra-Miniature Camera)
    6. กล้องหนังสือพิมพ์ (Press Camera)
    7. กล้องใหญ่ (Studio Camera)
    8. กล้องถ่ายรูปที่สร้างขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ

    อยากรู้รายละเอียดของกล้องแบบใดบอกได้ครับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ25 สิงหาคม 2554 เวลา 07:54

    กล้องแบบใหน ดีที่สุดครับ

    ตอบลบ
  4. คือว่ากล้องแต่ละแบบใช้งานเป็นอย่างๆไปครับ เช่น กล้องหนังสือพิมพ์ ใช้กับงานด้านหนังสือพิมพ์ กล้องเล็กพิเศษจะใช้สำหรับพวกนักสืบไรประมาณนี้ครับ แต่ถ้าสำหรับพวกเรานั้นถือว่าเป็นนักถ่ายภาพทั่วไปกล้องที่ใช้ทั่วไปจะใช้กล้องเล็กครับ พวกกล้องดิจิตอลที่เราใช้ๆกันนั้นก็อยู่ในหมวดกล้องเล็กครับ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ25 สิงหาคม 2554 เวลา 08:26

    ความละเอียด สูงสุดของกล้องในปัจจุบัน เท่ากับกี่ พิกเซล ครับ

    ตอบลบ
  6. ล่าสุดที่เห็นเป็นรุ่น Seitz D3 กล้องที่มาพร้อมกับความละเอียด 160 ล้านพิกเซล ขนาดของไฟล์ที่ถูกบันทึกอาจสูงถึงหน่วย กิกะไบท์ (Gb) ต่อหนึ่งไฟล์เลยทีเดียว แต่ก็ยังไม่แน่ใจนะครับว่าเป็นกล้องที่ความละเอียดสูงสุดในตอนนี้หรือไม่ แต่ที่เห็นมากที่สุดก็คือตัวนี้ล่ะครับ

    ตอบลบ
  7. กล้อง ที่เหมาะ มาใช่แก่การเรียน ในระดับพวกเรา ควรจะเป็นกล้องประเภทไหนดี ครับ

    ตอบลบ
  8. กล้องของยี่ห้อไหนราคาไม่แพง เหมาะแก่การถ่ายภาพทั่วไปอะ

    ตอบลบ
  9. กล้องสำหรับพวกเราๆ ก็คือกล้องแบบเล็กนี่ล่ะครับถ้าหากถ่ายทั่วไป ถ่ายเล่นๆ แต่ถ้าหากว่าเราไปถ่ายวิว หรือถ่ายวีดีโอทำโปรเจกนั้นควรจะใช้กล้องแบบกล้องใหญ่ครับ แต่ส่วนมากพวกกล้องแบบใหญ่น้ำหนักจะมาก มักใช้กับการถ่ายภาพที่ใช้ขาตั้งกล้องด้วยข้อดีของกล้องใหญ่ก็คือ จะได้ภาพที่ไม่เพี้ยนและชัดเจนมากครับ แต่หนัก มีไรถามได้อีกนะครับ

    ตอบลบ
  10. ส่วนกล้องไหนที่ไม่แพงขึ้นเหมาะกับการถ่ายภาพทั่วไปนั้น ก็คือกล้องแบบเล็กนี่ล่ะครับ ส่วนยี่ห้อไหนดีนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของเรามากกว่า เพราะกล้องแต่ละตัวก็มีลูกเล่นและราคาแตกต่างกันออกไป แต่อยากจะแนะนำเรื่องความคมชัด สำหรับนักถ่ายรูปทั่วๆไปอย่างเรา ควรใช้กล้องความละเอียดสัก 5-10 ล้านพิกเซล กำลังดีแล้ว เพราะถ้าความคมชัดยิ่งมาก ไฟล์ก็ยิ่งใหญ่ ราคาก็ยิ่งแพง สำหรับนักถ่ายรูปทั่วไปอย่างเราๆแค่ 5 ล้านพิกเซล ก็ชัดเหลือหลายแล้วครับ ขอบคุณทุกคนมากครับ

    ตอบลบ
  11. เวลาเราจะซื้อกล้องถ่ายรูป เราควรเลือกกล้องที่มีคุณสมบัติยังไง ถึงจะดีอ๊ะ

    ตอบลบ
  12. 1. ความละเอียดของภาพที่ได้ ก็อย่างที่เคยบอกสำหรับนักถ่ายรูปทั่วๆไปอย่างเรา ควรใช้กล้องความละเอียดสัก 5-10 ล้านพิกเซล กำลังดีแล้ว เพราะถ้าความคมชัดยิ่งมาก ไฟล์ก็ยิ่งใหญ่ ราคาก็ยิ่งแพง สำหรับนักถ่ายรูปทั่วไปอย่างเราๆแค่ 5 ล้านพิกเซล ก็ชัดเหลือหลายแล้ว

    2. การบีบอัดข้อมูล หลักง่าย ๆ ในการตรวจสอบคือ ยิ่งมีการบีดอัดข้อมูลมากเท่าใด คุณภาพของภาพก็จะด้อยลงไปมากเท่านั้น

    3. หน่วยความจำ หลายรุ่นจะเก็บใน การ์ดหน่วยความจำที่เรียกว่า SmartMedia หรือ CompactFlash ซึ่งการ์ดแต่ละรุ่นก็สามารถเก็บความจุได้ต่างกัน บางรุ่นเก็บใน Disk 3.5" แล้วแต่ความชอบ ความสะดวกที่ต้องการ เนื่องจากราคาจะแตกต่างกันมาก

    4. ระบบการซูมภาพและเลนส์ การซูมภาพมี 2 ประเภท คือ ซูมด้วยเลนส์ (เหมือนกล้องทั่วไป) และแบบระบบดิจิตอล (ใช้วิธีคำนวณแล้วเก็บข้อมูลไว้) ระบบซูมด้วยเลนส์จะดีกว่า แต่ราคาก็จะแพงกว่าด้วย ส่วนเรื่องของเลนส์ควรเป็นเลนส์ที่ทำจากแก้ว ไม่ใช่พลาสติก

    5. จอ LCD บางรุ่นก็มีจอ LCD ช่วยให้สะดวกเวลาถ่าย แถมมักจะสามารถดูข้อมูลภายในทันทีได้ด้วย หลังจากถ่ายเสร็จแล้ว

    6. เทคโนโลยีใหม่ Pictbridge เป็นเทคโลยีที่ช่วยให้สามารถพิมพ์พิมพ์ภาพจากล้องดิจิตอล ไปยังเครื่องพิมพ์ได้โดยตรง โดยการความสามารถในการปรับแต่งค่าสี ความสว่างของภาพอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์

    7. ความเร็ว (Burst mode) และ ความสามารถพิเศษ กล้องที่ดีควรสามารถถ่ายภาพได้ในความเร็ว 2 ภาพต่อวินาทีเป็นอย่างต่ำ, สำหรับเรื่องความสามารถพิเศษ ได้แก่ ทำภาพขาวดำ ซีเปีย บันทึกเสียงได้ รวมทั้งบันทึกภาพวีดีโอได้ด้วย (แค่เป็นวีดีโอคลิปสั้นๆ)

    8. แบตเตอรรี่ บางรุ่นสามารถใช้ถ่าย AA ได้แต่อย่าลืม กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่จะค่อนข้างกินไฟมาก และโดยเฉพาะกล้องที่มีจอ LCD ดังนั้น ควรระวังเรื่องการใช้งาน

    9. อุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่, สายเคเบิลในการโอนย้ายข้อมูลจากกล้องผ่านทางพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์, รีโมทคอนโทรล

    แต่ก็อย่างที่เคยบอกไปกล้องแต่ละรุ่นมีลูกเล่นต่างกันออกไป แล้วแต่เราจะชอบมากกว่า บางรุ่นถ่ายวีดีโออัดได้แต่ภาพไม่มีเสียง ต้องดูให้ดี บางรุ่นมีเอฟเฟคเยอะแยะมากมายทั้ง ทำภาพขาวดำ ซีเปีย เนกาทีฟ หรือมีกรอบรูปมาใส่ให้เลย เป็นต้น

    ตอบลบ
  13. ความละเอียดของภาพดิจิตอลที่ดีต้องมีกีพิคเซล

    ตอบลบ
  14. ได้ความรู้เพิ่มเติมในการเลือกซื้อกล้องว่าควรเลือกซื้อชนิดไหนถึงจะเหมาะสมกับผู้ใช้

    ตอบลบ
  15. จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับการใช้งานของเรานะครับ ก็อย่างที่เคยบอกสำหรับนักถ่ายรูปทั่วๆไปอย่างเรา ควรใช้กล้องความละเอียดสัก 5-10 ล้านพิกเซล กำลังดีแล้ว เพราะถ้าความคมชัดยิ่งมาก ไฟล์ก็ยิ่งใหญ่ ราคาก็ยิ่งแพง สำหรับนักถ่ายรูปทั่วไปอย่างเราๆแค่ 5 ล้านพิกเซล ก็ชัดเหลือหลายแล้ว แต่ถ้าใครอยากได้ชัดกว่านั้นก็ไม่มีปัญหา แล้วก็ขอบอกอีกอย่างนะครับจากประสบการณ์ ถ้าหากกล้องยิ่งละเอียดมากๆๆ 10ล้านพิกเซลขึ้นไป เวลาถ่ายคนตอนกลางคืนจะทำให้ภาพออกมาดำครับ เนื่องจากความคมชัดยิ่งมากภาพก็จะสมจริงมาก แต่ถ้าหากเราใช้งานอย่างอื่น เช่น ถ่ายวิว ถ่ายงานธุรกิจ หรือถ่ายกีฬา ถ่ายภาพเคลื่อนไหว ก็อาจจะใช้กล้องความละเอียดมากๆหน่อยครับขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเราเอง มีไรถามได้อีกนะครับ ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  16. ได้ความรู้เยอะเลย หากล้องดีดี มาถ่ายรูป บ้างดีกว่า

    ตอบลบ
  17. ของ canon ก็ดีครับ ความคมชัดมาก แต่ราคาไม่ค่อยแพง คนนิยมใช้กัน ก็อย่างที่บอกการเลือกซื้อกล้องแล้วแต่ตัวเราจะชอบมากกว่าอ่ะครับ

    ตอบลบ
  18. กล้องตัวไหนที่เหมาะกับการใช้งานกับเรามากที่สุด ?

    ตอบลบ
  19. กล้องที่มีความละเอียดประมาณ12-14 ล้านพิกเซลของยี่ห้ออะไรดีอ่ะคะ คือว่าอยากได้ที่ถ่ายรูปออกมาดี ดูเเล้วไม่หลอกตา เคยได้ยินถ้าเป็นคอมเเพ็คต้องโซนี่จริงหรือป่าวค่ะ ระหว่าง Canon,Sony,Samsang ของตัวไหนดีกว่ากัน ถ้ามียี่ห้ออื่นแนะนำมาได้เลยนะค่ะ แล้วเวลาซื้อกล้องต้องดูอะไรบ้าง เรื่องฟังก์ชั่นที่สำคัญอะค่ะ รบกวนด้วยนะค่ะ

    ตอบลบ
  20. กล้องที่ใช้ถ่าน กับกล้องที่ใช้แบตชาร์ต แบบไหนดีกว่ากันอ่ะ

    ตอบลบ
  21. anon_rodpan กล่าวว่า...
    กล้องตัวไหนที่เหมาะกับการใช้งานกับเรามากที่สุด ?

    กล้องที่เหมาะกับการใช้งานสำหรับเรามากที่สุดคือกล้องแบบเล็กครับ หรือพวกกล้องดิจิตอลที่เราใช้กันนั่นล่ะครับ ส่วนจะชอบตัวไหนก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเราเองครับ เพราะกล้องแต่ละตัวความคมชัด ลูกเล่น ฟังชั่นแตกต่างกันออกไปแล้วแต่เราจะชอบครับ แต่อยากจะแนะนำเรื่องความคมชัด สำหรับนักถ่ายรูปทั่วๆไปอย่างเรา ควรใช้กล้องความละเอียดสัก 5-10 ล้านพิกเซล กำลังดีแล้ว เพราะถ้าความคมชัดยิ่งมาก ไฟล์ก็ยิ่งใหญ่ ราคาก็ยิ่งแพง สำหรับนักถ่ายรูปทั่วไปอย่างเราๆแค่ 5 ล้านพิกเซล ก็ชัดเหลือหลายแล้วครับ แต่ถ้าใครอยากใช้มากกว่านั้นก็ไม่มีปัญหาครับ

    ตอบลบ
  22. พอจะมีกล้องหี่ห้อไหนที่ใช้งานง่ายๆมั้งไหมคะ? :)

    ตอบลบ
  23. เบญจวรรณ กล่าวว่า...
    กล้องที่ใช้ถ่าน กับกล้องที่ใช้แบตชาร์ต แบบไหนดีกว่ากันอ่ะ

    ตอบ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปครับ กล้องใช้แบตนั้นถ่ายได้มากกว่า ไม่ต้องคอยเสียเงินซื้อถ่านบ่อยด้วยเหมาะกับการถ่ายประจำ และทำให้กล้องมีขนาดเล็กลงเบาลงพกง่าย กล้องรุ่นใหม่ๆมักใช้แบตเตอรี่แทนแล้วครับ เราสามารถพกแบตสำรองได้ด้วยนะครับ เพราะกล้องใช้แบตสามารถเปลี่ยนแบตได้ ข้อเสียก็คือ ราคาแพงมาก ต้องมีเต้าเสียบสำหรับบชาร์จแบตกรณีออกนอกสถานที่ แถมเสียเวลาในการชาร์จด้วย

    กล้องที่ใช้ถ่านนั้นมีข้อดีตรงที่กรณีออกไปใช้งานนอกสถานที่ถ้าถ่านหมดก็หาซื้อถ่านเปลี่ยนได้ง่ายครับ หรือกรณีที่ต้องการถ่ายเร่งด่วนถ้าถ่านหมดสามารถหาซื้อได้ง่าย ถ้าแบตหมดสิทธิ์ครับ และราคาก็ถูกกว่ากล้องใช้แบตด้วย ข้อเสียก็คือ กล้องใช้ถ่านมีขนาดใหญ่กว่า หนักกว่า ถ่านหมดต้องคอยเสียเงินซื้้อถ่านใหม่เรื่อยๆ

    ถ้าให้แนะนำผมว่าให้ใช้กล้องแบบใช้ถ่านแล้วซื้อถ่านชาร์จดีๆมา จะลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยครับ

    ขอบคุณทุกคนครับ

    ตอบลบ
  24. Sunisa กล่าวว่า...
    พอจะมีกล้องหี่ห้อไหนที่ใช้งานง่ายๆมั้งไหมคะ? :)

    ตอบ ก็อย่างที่บอกไปทุกครั้งนะครับ การเลือกซื้อกล้องนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเราเองครับว่าชอบตัวไหน เพราะกล้องแต่ละตัวมีลูกเล่น ฟังชั่นแตกต่างกันออกไป ถ้าอยากได้ที่ใช้งานง่ายๆ ก็แนะนำให้เลือกกล้องที่เป็นเมนูภาษาไทยครับมีแทบทุกยี่ห้อเลย ส่วนยี่ห้อไหนดีนั้นต้องขึ้นอยู่กับตัวคุณเองจะชอบครับ ถ้าเลือกซื้อกล้องไม่ถูกนะครับไปที่ร้าน แล้วลองเล่นฟังชั่นของกล้องแต่ละตัวดู ชอบตัวไหนก็เอาตัวนั้นเลยครับ ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  25. sumalin กล่าวว่า...
    กล้องที่มีความละเอียดประมาณ12-14 ล้านพิกเซลของยี่ห้ออะไรดีอ่ะคะ คือว่าอยากได้ที่ถ่ายรูปออกมาดี ดูเเล้วไม่หลอกตา เคยได้ยินถ้าเป็นคอมเเพ็คต้องโซนี่จริงหรือป่าวค่ะ ระหว่าง Canon,Sony,Samsang ของตัวไหนดีกว่ากัน ถ้ามียี่ห้ออื่นแนะนำมาได้เลยนะค่ะ แล้วเวลาซื้อกล้องต้องดูอะไรบ้าง เรื่องฟังก์ชั่นที่สำคัญอะค่ะ รบกวนด้วยนะค่ะ

    ตอบ ก็อย่างที่เคยบอกไปนะครับการเลือกซื้อกล้องนั้นต้องแล้วแต่ตัวเราครับว่าชอบแบบไหน เพราะกล้องแต่ละตัวลูกเล่นต่างกันไป ทางที่ดีการเลือกซื้อกล้องนั้นควรไปที่ร้านแล้วลองเล่นฟังชั่นดู ชอบตัวไหนก็เอาตัวนั้นครับ คนส่วนใหญ่มักใช้แคนนอนเพราะอะไหล่หาง่ายมีปัญหาอะไรก็เข้าศูนย์ง่ายราคาก็ไม่แพงครับ ที่ว่า "เคยได้ยินถ้าเป็นคอมเเพ็คต้องโซนี่จริงหรือป่าวค่ะ" คอมเเพ็คส่วนมากเล่นแคนนอนกันนะครับ โซนี่ไม่ดีตรงเมมโมรี่หายากเมื่อไปต่างจังหวัด แถมราคาแพงกว่าเมมโมรี่ พวก SD หลายเท่า

    การเลือกซื้อกล้องควรพิจารณาดังนี้
    1. ความละเอียดของภาพที่ได้ ก็อย่างที่เคยบอกสำหรับนักถ่ายรูปทั่วๆไปอย่างเรา ควรใช้กล้องความละเอียดสัก 5-10 ล้านพิกเซล กำลังดีแล้ว เพราะถ้าความคมชัดยิ่งมาก ไฟล์ก็ยิ่งใหญ่ ราคาก็ยิ่งแพง สำหรับนักถ่ายรูปทั่วไปอย่างเราๆแค่ 5 ล้านพิกเซล ก็ชัดเหลือหลายแล้ว

    2. การบีบอัดข้อมูล หลักง่าย ๆ ในการตรวจสอบคือ ยิ่งมีการบีดอัดข้อมูลมากเท่าใด คุณภาพของภาพก็จะด้อยลงไปมากเท่านั้น

    3. หน่วยความจำ หลายรุ่นจะเก็บใน การ์ดหน่วยความจำที่เรียกว่า SmartMedia หรือ CompactFlash ซึ่งการ์ดแต่ละรุ่นก็สามารถเก็บความจุได้ต่างกัน บางรุ่นเก็บใน Disk 3.5" แล้วแต่ความชอบ ความสะดวกที่ต้องการ เนื่องจากราคาจะแตกต่างกันมาก

    4. ระบบการซูมภาพและเลนส์ การซูมภาพมี 2 ประเภท คือ ซูมด้วยเลนส์ (เหมือนกล้องทั่วไป) และแบบระบบดิจิตอล (ใช้วิธีคำนวณแล้วเก็บข้อมูลไว้) ระบบซูมด้วยเลนส์จะดีกว่า แต่ราคาก็จะแพงกว่าด้วย ส่วนเรื่องของเลนส์ควรเป็นเลนส์ที่ทำจากแก้ว ไม่ใช่พลาสติก

    5. จอ LCD บางรุ่นก็มีจอ LCD ช่วยให้สะดวกเวลาถ่าย แถมมักจะสามารถดูข้อมูลภายในทันทีได้ด้วย หลังจากถ่ายเสร็จแล้ว

    6. เทคโนโลยีใหม่ Pictbridge เป็นเทคโลยีที่ช่วยให้สามารถพิมพ์พิมพ์ภาพจากล้องดิจิตอล ไปยังเครื่องพิมพ์ได้โดยตรง โดยการความสามารถในการปรับแต่งค่าสี ความสว่างของภาพอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์

    7. ความเร็ว (Burst mode) และ ความสามารถพิเศษ กล้องที่ดีควรสามารถถ่ายภาพได้ในความเร็ว 2 ภาพต่อวินาทีเป็นอย่างต่ำ, สำหรับเรื่องความสามารถพิเศษ ได้แก่ ทำภาพขาวดำ ซีเปีย บันทึกเสียงได้ รวมทั้งบันทึกภาพวีดีโอได้ด้วย (แค่เป็นวีดีโอคลิปสั้นๆ)

    8. แบตเตอรรี่ บางรุ่นสามารถใช้ถ่าย AA ได้แต่อย่าลืม กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่จะค่อนข้างกินไฟมาก และโดยเฉพาะกล้องที่มีจอ LCD ดังนั้น ควรระวังเรื่องการใช้งาน

    9. อุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่, สายเคเบิลในการโอนย้ายข้อมูลจากกล้องผ่านทางพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์, รีโมทคอนโทรล

    แต่ก็อย่างที่เคยบอกไปกล้องแต่ละรุ่นมีลูกเล่นต่างกันออกไป แล้วแต่เราจะชอบมากกว่า บางรุ่นถ่ายวีดีโออัดได้แต่ภาพไม่มีเสียง ต้องดูให้ดี บางรุ่นมีเอฟเฟคเยอะแยะมากมายทั้ง ทำภาพขาวดำ ซีเปีย เนกาทีฟ หรือมีกรอบรูปมาใส่ให้เลย เป็นต้น

    ตอบลบ